เพราะเรื่องกินคือเรื่องใหญ่… เหตุเพราะหลายคนชอบตุนของไว้เยอะๆเพื่อความอุ่นใจ และไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะต้องไปแย่งชิงกับใครตอนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะ น้ำท่วม พายุเข้า โรคระบาดต่างๆ ดังนั้นอาจทำให้ของสดหรือวัตถุดิบต่างๆที่ซื้อมาไว้ส่วนใหญ่จะหมดอายุไปซะก่อน
จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเก็บวัตถุดิบหรืออาหารไว้ทานได้นานๆอย่างถูกวิธี วันนี้เรามีวิธีที่จะช่วยคุณยืดอายุอาหารและวัตถุดิบต่างๆให้อยู่ได้นานขึ้น ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ
1. อาหารที่ปรุงสุกแล้ว
หลังจากปรุงอาหารเสร็จหรือรับประทานเหลือ ควรรีบนำอาหารเก็บแช่ในตู้เย็นทันที หรือภายใน 1-2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มีจุลินทรีย์ปนเปื้อนและเจริญเติบโตในอาหารมากเกินไป เพราะอาจเกิดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ และควรทานอาหารนั้นภายในระยะเวลาดังกล่าว
- อาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากร้านค้า เก็บในตู้เย็นได้ 4 วัน
- อาหารที่กินเหลือ เก็บในตู้เย็นได้ 2-3 วัน
2. เนื้อสด
เตรียมเนื้อสด(สำหรับอาหารทะเลควรล้างเกลือ และหั่นไว้) เอามาใส่ถุงพลาสติกสำหรับใส่อาหารได้ โดยแบ่งสำหรับประกอบอาหารแต่ละมื้อ และนำไปใส่ช่องแช่แข็ง (อุณหภูมิแนะนำ -18°C) ในขณะที่เนื้อสัตว์ที่อยู่ในระหว่างรอการปรุงให้ เก็บในอุณหภูมิตู้เย็นคือ 5-7 °C เมื่อจะใช้ก็เอามาละลายน้ำแข็งก่อน วิธีนี้จะช่วยให้หยิบใช้สะดวก และยืดอายุให้เนื้อสดใหม่ไปอีกหลายวัน
3.ไข่สด
ไข่ที่ออกใหม่จะมีน้ำมันของแม่ไก่เคลือบไว้ทำหน้าที่ป้องกันออกซิเจนซึมเข้าไปในไข่ เราจะใช้น้ำมันพืชมาแทนโดยใส่ถุงมือพลาสติก และหยดน้ำมันพืชเล็กน้อยพอชุ่ม ถูให้ทั่วมือ จากนั้นนำไข่มาคลึงให้น้ำมันเคลือบไข่จนทั่ว จะช่วยให้เก็บได้นานขึ้นโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น อะๆ อย่าลืมเช็คไข่ก่อนนะคะ ไข่ไก่ที่มีรอยร้าว อาจจะทำให้เชื้อโรคจากเปลือกไข่เข้าไปในไข่ได้
4.ผักสด
ผักแต่ละประเภทมีอายุการเก็บไม่เหมือนกัน เราควรจัดเก็บผักแยกตามประเภท ไม่ควรเก็บผักไว้รวมกันเพราะจะทำให้ผักเน่าเสียเร็วขึ้น จากก๊าซที่ผักบางชนิดปล่อยออกมา
- ผักใบเขียว ล้างให้สะอาดเด็ดใบเสียออก เช็ดหรือผึ่งลมให้แห้งก่อนจะนำไปใส่กล่องหรือถุงซิปเก็บอาหารและแช่เย็น
- ผักประเภทหัว บางชนิดสามารถเก็บนอกตู้เย็นได้ เช่น มันฝรั่ง หัวหอม กระเทียม วิธีเก็บไม่ให้ขึ้นราคือ ใช้ถ่านใส่ถุงที่มีรู เพื่อให้มีช่องระบายอากาศ แล้วนำไปไว้ใกล้ผัก เพื่อให้ดูดความชื้น
- พริก คัดพริกที่เหี่ยวหรือเน่าทิ้งไป เด็ดขั้วและล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้งก่อนนำมาห่อด้วยกระดาษหนาๆหรือเก็บใส่กล่องที่ปิดมิดชิดอากาศเข้าไปไม่ได้ และนำไปเก็บใส่ตู้เย็น วิธีนี้สามารถเก็บได้นานถึงหนึ่งเดือนเลยนะคะ
5.ผลไม้
ปกติแล้วผลไม้สามารถเก็บไว้ข้างนอกในอุณหภูมิห้องได้ แต่บางทีเราก็ซื้อมาหลายๆอย่างจนทำให้ทานไม่ทัน ดังนั้นวิธีที่จะยืดอายุได้ดีก็คือการเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ไม่ใช่ผลไม้ทุกชนิดที่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ทันที บางชนิดก็ต้องทำให้สุกเสียก่อน เช่น อะโวคาโด ฝรั่ง กีวี มะม่วง เมลอน มะละกอ กล้วย ฯลฯ โดยแนะนำให้เก็บในช่องเก็บผัก/ผลไม้ (ส่วนมากจะอยู่ช่องล่างสุดของตู้เย็น) หรือผลไม้บางชนิดแนะนำให้นำไปแช่แข็ง (Freezing) เช่น ผลไม้ตระกูลเบอรรี่ กล้วย มะม่วง ก็จะสามารถยืดอายุได้มากถึง 6-12 เดือน
รู้หรือไม่ : แอปเปิลหรือกล้วยทำให้ผักผลไม้ต่างๆเน่าเสียเร็วขึ้น เพราะมีก๊าซเอทีลีน (Ethylene) ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรจะแยกเก็บในถุงถนอมอาหารที่ปิดมิดชิดหรือไม่นำไปเก็บรวมกับผักผลไม้ชนิดอื่นๆ
ระยะเวลาที่สามารถเก็บผลไม้ไว้ในตู้เย็น*
สตรอว์เบอร์รี | 3-5 วัน |
สับปะรด | 3-5 วัน |
อะโวคาโด (สุก) | 3-5 วัน |
เชอร์รี่ | 4-7 วัน |
ฝรั่ง | 5-7 วัน |
มะม่วก (สุก) | 5-7 วัน |
องุ่น | 5-7 วัน |
บลูเบอร์รี่ | 1-2 อาทิตย์ |
แอปเปิ้ล | 3-4 อาทิตย์ |
ส้ม | 2-3 อาทิตย์ |
แตงโม | 2 อาทิตย์ |
*ข้อมูลนี้เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น ยังไงก็ต้องคอยหมั่นเช็กว่าผลไม้ที่เราเก็บไว้ในตู้เย็นนั้นยังทานได้อยู่หรือเปล่า เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนนะค้าาา
ขอขอบคุณที่มาจาก : kapook.com mthai.com baanlaesuan.com health.act.gov.au unlockfood.ca