การปลูกต้นไม้ภายในที่พักอาศัยเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มุมเล็กๆ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่เริ่มมาเป็นเทรนด์เมื่อคนเมืองแสวงหาธรรมชาติกันมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 2020 ที่หลายคนต้องใช้เวลาอยู่บ้านกันมากกว่าปกติ ทางออกที่ง่ายที่สุดก็คือ การนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
การปลูกต้นไม้ในที่พักอาศัยมีข้อดีกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ปรอดโปร่งแล้ว ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพได้อีกด้วย เพราะต้นไม้บางชนิดมีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ และดูดซับสารพิษ
วันนี้ Enrich.Living เลยได้รวบรวมต้นไม้ที่กำลังเป็นที่นิยมมาฝากกันค่ะ ใครที่กำลังลังเลว่าจะปลูกต้นไม้ดีไหม อาจต้องลองเปิดใจสักนิดเพราะการปลูกต้นไม้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องอาศัยความใส่ใจจากผู้ปลูก และความเข้าใจในลักษณะนิสัยเพื่อให้ต้นไม้ได้รับอากาศและแสงแดดที่เพียงพอในการดำรงชีวิต
Monstera Thai Constellation
มอนสเตอร่า หรือ พลูฉีก/พลูแฉก เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดจากเขตร้อนชื้นตามป่าดิบในทวีปอเมริกา มีฉายาว่า ‘ราชินีแห่งใบไม้’ โดย Monstera ในภาษาลาตินมีความหมายว่า “ผิดแปลก” เนื่องจากรูปทรงของใบมีรอยฉลุเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ความผิดแปลกนี้เองที่ทำให้มอนสเตอร่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนถูกนำไปทำเป็นต้นไม้ปลอมตกแต่งแจกัน และเป็นต้นแบบลวดลายบนวอลเปเปอร์ที่นักจัดบ้านนิยมนำมาตกแต่งบ้าน นอกจากข้อดีเรื่องความสวยงามแล้วมอนสเตอร่ายังมีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ ช่วยกำจัดสารพวกฟอร์มาลดีไฮด์ที่ปนเปื้อนในอากาศได้ดี
*สารฟอร์มาลดีไฮด์พบในวัสดุบุผิวเฟอร์นิเจอร์ แผ่นไม้อัดและ น้ำยาทำความสะอาด
วิธีดูแล เนื่องจากเมืองไทยมีอากาศร้อนชื้น มอนสเตอร่าจึงเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายในไทยเหมาะสำหรับมือใหม่หัดปลูก เป็นพืชที่ต้องการเพียงแสงแดดรำไร ชอบความชื้นเป็นพิเศษจึงสามารถปลูกในห้องที่มีแอร์ได้สบาย รดน้ำเพียงอาทิตย์ละ 2-3 วันครั้งพอ รดอย่าให้ชุ่มจนน้ำขังหรือรดเมื่อดินแห้ง สังเกตได้โดยใช้มือสัมผัสหน้าดินว่ายังมีความชื้นอยู่หรือเปล่า สามารถใช้ฟ็อกกี้ฉีดให้ใบเงา ชุ่มชื้นได้ในวันที่อากาศร้อน
Fiddle Fig
ไทรใบสักเป็นพืชตระกูล Ficus (ไทร) เป็นพืชเขตร้อนจึงปลูกได้ดีในพื้นที่อากาศอบอุ่นหรือร้อนชื้น มีจุดเด่นอยู่ที่ใบขนาดใหญ่ แตกใบใหญ่รอบทิศทาง ลำต้นสูง มีทั้งพันธ์ใบแคระและใบใหญ่ หากมีหลายกิ่งก็จะยิ่งมีราคาสูง อีกหนึ่งจุดเด่นคือ มีคุณสมบัติในการดูดสารพิษและฟอกอากาศ จึงนิยมนำมาจัดวางในห้องนั่งเล่น ริมระเบียง หรือห้องทำงาน ที่มีมีแสงแดดส่องถึง
วิธีดูแล ไทรใบสักเป็นพืชเขตร้อนจึงเหมาะกับอากาศร้อนชื้นบ้านเรา ชอบบริเวณที่มีแสงแดดรำไร เพราะหากโดนแดดแรงตรงๆ เป็นเวลานานใบจะเป็นจุดสีน้ำตาลได้ และหากแสงน้อยไปใบก็จะร่วงได้ จึงควรหมั่นหันต้นไม้ให้โดนแดดทุกด้านอย่างต่ำวันละ 3-5 ชั่วโมง ไทรใบสักชอบน้ำชุ่มๆ แต่ไม่แฉะเพราะจะทำให้รากเน่าได้ ความถี่ของการรดน้ำขึ้นอยู่กับปริมาณแสงที่ต้นไม้ได้รับ แต่ควรรดซักสัปห์ดาละ 2 ครั้ง วิธีสังเกตง่ายๆ ให้สัมผัสดินลึกลงไป 2 นิ้ว ถ้าดินแห้งแล้วจึงค่อยลดน้ำ ที่สำคัญต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดใบด้วยน้ำเปล่าสัปห์ดาละ 1 ครั้ง เพื่อให้ใบสังเคราะห์แสงได้ดียิ่งขึ้น
Dracaena trifasciata
ลิ้นมังกร หรือ หอกพระอินทร์ เป็นพืชที่กระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา มาดากัสการ์ อินเดีย รวมถึงในไทยที่ถือเป็นแหล่งปลูกเลี้ยงที่มีศักยภาพแห่งหนึ่งของโลก ตามความเชื่อโบราณของไทย บ้านไหนที่ปลูกลิ้นมังกรจะช่วยป้องกันอันตรายจากภายนอกได้ เป็นไม้ประดับมงคลที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ ดูดซับสารพิษ จากผลวิจัยขององค์กร NASA ต้นลิ้นมังกรมีลักษณะพิเศษตรงที่จะคายก๊าซออกซิเจนในเวลากลางคืน และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเวลากลางวันแทน ทำให้สามารถปลูกต้นลิ้นมังกรในห้องนอนได้โดยไม่เป็นอันตราย
วิธีดูแล ลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับที่มีความเขียวสดตลอดทั้งปี ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง ทนทานต่อโรคและแมลงได้ดีจึงไม่ต้องดูแลรักษามาก ปลูกได้ทั้งภายในอาคารและกลางแจ้งที่มีแสงแดดเพียงพอ ปัจจุบันนิยมปลูกในกระถาง โดยใช้ดินร่วนหรือดินปนทรายในการปลูก ควรได้รับแสงแดดวันละ 50% หรือครึ่งวันเพื่อไม่ให้ใบหยาบกร้านและซีดเหลือง และควรรดน้ำทุกวัน เช้า-เย็น
Rubber Plant หรือ India Rubber Fig
ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ ‘ยางอินเดีย’ หรือบางคนเรียกทับศัพท์ว่า ‘ยางลบ’ นั้นมีแหล่งกำเนิดมาจากอินเดียและมาเลเซีย เหตุผลที่เรียกว่ายางลบเป็นเพราะภายในลำต้นและใบของพืชผลิตน้ำยางสีขาวที่เมืองนอกนำไปทำเป็นยางลบนั้นเอง แต่ทางที่ดีผู้ปลูกไม่ควรให้น้ำยางโดนมือ ยางอินเดียเป็นพืชเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน ไม่พลัดใบ โตไว จุดเด่นของยางอินเดียคือใบเดี่ยวรูปทรงรีที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ พันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกตกแต่งบ้าน คือ ยางอินเดียใบดำ ที่มีสีเขียวเข้มจนเกือบดำ ที่สำคัญยางอินเดียยังเป็นต้นไม้ที่ดูดซับสารพิษ ช่วยฟอกอากาศภายในห้องได้
วิธีดูแล ยางอินเดียเป็นพืชที่เลี้ยงค่อนข้างง่าย ชอบบริเวณที่มีแสงแดดส่องรำไร แต่ไม่ชอบที่ที่มีแสงแดดส่องโดยตรงเพราะจะทำให้ใบบิดงอและไหม้ได้ เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากจึงไม่ควรรดน้ำจนแฉะ ให้รดน้ำเพียง 3 วันครั้งกำลังดี หรือรดเมื่อดินแห้ง ให้สังเกตโดยใช้นิ้วกดลงไปในดินว่ายังมีความชื้นอยู่ไหม ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี และหากเป็นต้นที่ยังไม่สูงมาก ควรหาไม้มาปักผูกยึดกับลำต้นไว้เพื่อไม่ให้ลำต้นโค้งง้อ
Philodendron pink princess
ฟิโลเดนดรอน หรือ เจ้าหญิงสีชมพู เป็นพืชในตระกูลใบด่าง (Variegated Plants) ที่ทำให้ผู้พบเห็นสะดุดตาด้วยใบสีชมพูที่ขึ้นแซมสีเขียว แท้จริงแล้วต้นไม้ไม่ได้หวังจะผลิตใบสีชมพู แต่ที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูเกิดจากการที่ต้นไม้ไม่ผลิตคลอโรฟิลล์นั้นเอง และนี้คือความพิเศษที่จะทำให้ผู้ปลูกได้ลุ้นอยู่เสมอเมื่อใบแตกยอดอ่อนว่าใบที่งอกใหม่จะมีสีอะไร
วิธีดูแล เป็นไม้เลื้อยที่ปลูกง่าย สามารถเลี้ยงในบ้านได้ ต้องการดินร่วนตลอดจนการใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ เวลารดน้ำต้องระมัดระวังไม่ให้ชื้นมากจนเกินไปเพราะอาจทำให้รากเน่าได้ กระถางที่ใช้ปลูกควรระบายอากาศได้ดี
หลายคนซื้อต้นนี้มาเพื่อจะชื่นชมความงามของใบสีชมพู ต้องบอกก่อนว่าเราไม่สามารถควบคุม Pattern และสีของใบได้ แต่เราสามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดสีชมพูได้ โดยให้วางต้นไม้ในบริเวณหน้าต่างที่มีแสงสว่างอ่อนๆ ส่องถึง แต่เลี่ยงบริเวณที่มีแสงแดดแรงๆ ส่องโดยตรง
เพราะตามที่บอกไปข้างต้น ใบสีชมพูเกิดจากการที่ใบไม่ผลิตเม็ดคลอโรฟิลล์หรือผลิตในปริมาณที่น้อยมากเป็นเหตุให้ใบชมพูดูดซับแสงอาทิตย์ได้น้อยกว่าใบเขียว จะเรียกว่าอ่อนแอกว่าก็ไม่ผิด หากมีแสงแดดไม่เพียงพอใบสีชมพูอาจจะเฉาตายได้ และสุดท้ายต้นไม้ก็จะเลือกผลิตใบสีเขียวที่ผลิตคลอโรฟิลล์ได้มากกว่าแทนเพื่อทำหน้าที่เป็นแผงโซลาร์เซลบนใบ ช่วยเพิ่มอัตราการสังเคราะห์แสงให้ต้นไม้อยู่รอด